Session 13

Session 13

Microsoft by พี่มิค คุณยศพนธ์ สุธารัตนชัยพร, CFA, เจ้าของเพจชีพจรลงทุน

  • Microsoft เป็นอีก 1 ตำนาน 10ปีที่ผ่านมา 10 เด้ง อี 10ปี ก็อาจจะ 10เด้ง
  • ใช้ Open Ai / Gimini / Perplexity
  • Open Ai เริ่มใช้คำสั่งง่ายๆ ให้เขียนเกมงู ได้แล้ว
  • Ai ปฏิวัติวงการยา
  • อุตสาหกรรมเฮลแคร์ 12T 8T เป็นรพ 4T เป็นยา
  • Dna เหมือนพิมพ์เขียว
  • เวลาเค้าจะคิดยาตัวนึง ต้องสังเคราะห์โปรตีน
  • ที่ผ่านมา สังเคราะห์ได้ 2แสนหน่วย แต่ AlphaFold
  • เม็ดเงิน 1300B เงินที่ใช้ในการหาโปรตีน 500B เกือบครึ่ง
  • คีย์ของอุตสาหกรรมยาคือ สิทธิบัตร ที่จะได้ไป 20ปี ไม่มีเหรียญเงิน เหรียญทองแดง
  • สมมุติมีเกมนึง ทุกคนวางเงิน 10ล้าน คนชนะได้หมด เกมคือคุณเข้าป่า แล้วไปหานกยูง 2ตัวให้ได้ก่อน
  • สมัยก่อน ต้องเข้าไปดูว่ามีนกอะไรบ้าง แล้วค่อยมาดูว่าเป็นนกยูงไหม
  • Ai เหมือน scouter

Bubble ไหม

  • pe 10กว่าเท่า

Ai value chain

  • ยังไม่มีคนชนะชัดเจน ในส่วน Software
  • Capex 160M
  • Opex ของ 4บ.ใหญ่ 400M มีเงินลงทุนพอ
  • เงินลงทุนเทียบรายได้ สมดุลกัน
  • มี 4-5บ. ใน us ที่ลง 50M ได้ มีเงิน platform ต้องมีลูกค้าด้วย
  • MkShare Open Ai ครึ่งนึง

Risk

  • Ai ยังมีความหลอน ตอบผิดอยู่บ้าง

สรุป

  • Ai ไม่ได้มาแย่งงานคุณ แต่คนใช้ Ai ต่างหาก

พี่มี

  • Microsoft มีลูกค้า และรู้วิธีในการทำรายได้

พี่เชาว์

  • หุ้นที่จะขึ้นเยอะๆ ต้องมีสิ่งที่คนไม่ร฿้
  • หุ้นที่ขึ้นเยอะไม่ไช่อันตราย แต่อยู่ที่จะเติบโตต่อได้ไหม
  • ตอนอยู่ us ก็มีคนบอกเสียดายไม่ได้ซื้อตอนปี 80

พี่คเชนทร์

  • หุ้น Mkcap top 3 แต่ยังโต 20% หาได้ยาก

Q อะไรเป็น Blackswan
A รายได้จาก Cloud ตอนศกไม่ดีก็ไม่รอด

  • แต่บ. Ai เองก็มาดีสรับบ.เทค เช่น Search

Q ยังอิงผบหมากแค่ไหน
A bill gates อิงน้อย

  • satya nadella มีผลมาก แต่ต่อไปรายได้อาจจะแข็งแกร่งเพียงพอ

Q เมื่อวานลองโพส Fb ดู มีคนใช้ ChatGpt เยอะกว่าที่คาด
A ในข่าวคนใช้ MsOffice 1300ล้านคน

  • หรือพนักงานออฟฟิส อาจจะต้องใช้เกือบทุกคน ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ

Q อาชีพไหน นร. ควรระวังว่าจะโดนดีสรัป
A อาชีพที่เกี่ยวกับภาษา

  • อย่างการเขียนโค้ด ใช้ภาษาคน ให้ gen ให้ แล้วค่อยมาดู คนยังต้องมาดูหลักการ Logic ว่าถูกไหม

Meta by ลงทุนแมน, Founder ลงทุนแมน

  • ราคาขึ้นมาแล้ว ให้ดูเป็นโมเดล
  • คนคิดว่า Fb เป็น Hi5 ไหม
  • ถ้าคนยังใช้อยู่แอปก็มีคุณค่า แต่ถ้าคนเลิกใช้ก็จะไม่มีคุณค่า Fb เลยจุดนั้นมาแล้ว คนใช้ 4000ล้านคน
  • ภูมิภาคที่จำนวนคนอิ่มตัว ยุโรป อเมริกา แต่ฝั่งเอเชีย แอฟริกายังไม่อิ่มตัว
  • รายได้ us ยุโรป รายได้สูงกว่า 10เท่า
  • เหมือน โค้ก ที่ไปทั่วโลกได้ และ Washington post ที่ต้นทุนคงที่
  • ชนะผู้เล่นท้องถิ่น ช่อง3 นสพท้องถิ่น
  • และยังเป็น Ugc เห็นเพจเกิดใหม่เยอะแยะ ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ได้รายได้จากตรงนี้
  • รายได้ มาจากสูตร Price x No of Impression
  • เค้าจะยิงเฉพาะ สิ่งที่คนสนใจ ทำให้ cost น้อยลง > effective มากขึ้น > ราคาต่อ Impression จะมากขึ้น
  • มีคุณสมบัติ 6 อย่าง
  1. Global brand
  2. scalable
  3. B2B
  4. Network effect
  5. Competitiveness
  6. High switching cost จ่ายหมื่นนึงให้เลิกใช้ยังไม่ได้เลย

Valuation

  • รายได้ 10%ต่อปี กำไรเติบโตมากกว่า
  • มี Capex แต่เมื่อไรที่เค้าจะลด ก็ทำได้ทันที
  • อีก 5ปี Mkcap/Fcf 10เท่า
  • ใครซื้อ 100 เป็นโชคดี ที่เชื่อ ในยามที่คนไม่เชื่อแล้ว
  • ถ้าไปอีก 5 ปี อาจจะ 1300-1700usd Mkcap 3T
  • อาจจะต้องรอให้ตก และต้องถามตัวเองว่าเวลาตก เรากล้าซื้อไหม

สรุป

  • Cpall pe 26. Fb pe 26
  • เมื่อวานใครใช้ Fb ig บ้าง
  • 10ปีที่แล้ว เข้าไปในรถไฟฟ้า คนมองมือถือมากขึ้น ตอนนี้เข้าไปในชีวิตของทุกคน

พี่เชาว์

  • มีข้อสังเกตุ ตอนหุ้นลง ไม่ค่อยมีคนกล้าซื้อ
  • Tiktok มา ก็ทำ Reel

พี่มี่

  • ฟังมา 9 ปีแล้ว
  • ตอน Tiktok มาก็กลัว แต่เร้าก็ปรับตัวได้
  • อาจจะมีเรื่องขึ้นมาแรง ผลตอบแทนอาจไม่เยอะ

พี่คเชนทร์

  • เห็นฟีดบ่อยมาก ว่าลงทุนแมน มี blocdit แล้วนะ แสดงว่าคนไม่ไป อยู่แต่ Fb
  • เมื่อก่อนหน้าสุดท้ายของไทยรัฐ มีเงินก็ซื้อไม่ได้ ต้องจองข้ามปี
  • ตอนหุ้นลง 100 มีคนโพส Fb ว่า Fb แย่แล้ว
  • you can check out any time you like, but you can never leave เป็นยาเสพติด

Q อีก 20-30ปี ข้างหน้า
A 30ปีอาจจะนานไป แต่ 10-20ปี ยังมองไม่ออกว่าจะไปไหน

  • เรื่องโพสหลอกลงทุน มาร์คเคยอวดว่า แค่ต้นทุนกันตรงนี้ มากกว่ารายได้ Twitter แล้ว
  • ล่าสุด รวยขึ้นอันดับสอง
  • 10ปี ผลตอบแทน 10% ราคาก็สมน้ำสมเนื้อ

Moat

Session 6

หุ้น SUPER MOAT
ธุรกิจทรงอิทธิพล ที่อำนาจต่อรองสูง

Hermes by พี่หลิน

Lux Industry

  • ตลาด Personal Lux 300MUsd Hermes 15MUsd
  • เวลารวยขึ้น ใช้มากขึ้น ทั้ง P Q

ชัยภูมิ

  • เริ่มจาก พระเจ้าหลุย14 ทำให้ฝรั่งเศษคือผู้ครองความหรูหรา
  • Paris ตรงนั้นมีสามเหลี่ยมทองคำ ข้างหน้ามีประตูชัย เลี้ยวซ้ายมีหลุยวิคตอง
  • งบ ปกติเอาเงินสดขึ้นก่อน แต่เค้าเองอะไรที่ยาวขึ้นก่อน
  • 1/3 เป็นสินค้าหรู

ป้อมปราการ

  • Timeless สินค้าไม่ล้าสมัย กล่องสีส้ม
  • iphome
  • เค้าไม่เคยใช้ 5 force ไม่ดึงเงิน แต่ขอของดีสุด
  • ไม่ขึ้นราคาพร่ำเพรื่อ
  • BKC
  • เป็น Creation พนักงานเทรนมาอย่างดี ช่างทุกคนเป็นเจ้าของกระเป๋า ถ้าเป็น limited เค้าเห็นหน้าคุณก่อน
  • ร้าน 300สาขา เพิ่มที่ละนิด ยอดขาย 2000ล้าน/สาขา
  • เซลรู้จักเรา
  • โตทุก sector เพราะเค้าต้องการให้คุณ Lux ตั้งแต่ตื่น ไม่ไช่แค่กระเป๋า
  • ผบห มีความเข้าใจตลาดจีนดี
  • Valuation ใช้ chat gpt เอา economic factor ต่างเข้าไป น่าจะได้ 400-500สาขา
  • ข้อเสียเดียวคือ เหมือนกระเป๋าเค้า ต้องคู่ควรกับเค้า ต้องมีกลยุทธ์ในการซื้อ

ดร.นิเวศ

  • เค้ามีแบรนด์เดียว เกิดมีอะไรอันตราย economic factor
  • ราคาแพง
  • ดู LVMH เพราะมีแบรนด์รองๆ ลูกยังทำงาน ลิซ่าอาจจะได้เป็นผบหหรือเปล่า

K.บาส ศุภอรรถ

  • ของเค้าซื้อได้กำไรทันที
  • ยอด ass 22% เป็น 27% เพราะต้องซื้อก่อน แต่ไปกำไรกระเป๋า
  • แบรนด์ valuation เปลี่ยนแพงขึ้น ต้องถามว่าเปลี่ยนชั่วคราว หรือถาวร

K.ประภาส

  • ความสามารถในการแข่งขันดีมาก
  • ส่งผ่านราคาได้
  • npm 30% อาจจะไต่ไป 35%-40%
  • เป็นป้อมปราการที่แข็งแรงมาก การเทรด 40เท่าน่าจะเหมาะสม

สรุป

  • ถ้าภรรยาจะซื้อกระเป๋า ซท้อหุ้นดีกว่า
  • เอาตัวนี้เป็นยานแม่ แล้วช้อนตัวที่ตก
  • 1993 2หมื่นล้านบาท ตอนนี้ 6ล้านล้าน เอาโมเดลนี้ไปหาตัวถัดไป

Leading indicators

สรุป Lead Indicator คืออะไร และ มีประโยชน์อย่างไร

Lead indicator คือ ตัวแปรใดๆ ที่บ่งชี้ถึงอนาคตของรายได้ของหุ้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่รายได้เป็นหลัก เพราะรายได้เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของธุรกิจ หากธุรกิจมีรายได้เติบโต ก็มีโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตอย่างยั่งยืน

ประโยชน์ของ Lead indicator

  • ช่วยทำนายอนาคตของหุ้น: นักลงทุนสามารถใช้ Lead indicator ประเมินได้ว่าหุ้นตัวไหนมีโอกาสเติบโตในอนาคต
  • ประเมินงบการเงินล่วงหน้า: สามารถใช้ Lead indicator ประมาณการงบการเงินของบริษัทได้ในระยะสั้นและระยะยาว
  • หาส่วนต่างของผลกำไร: นักลงทุนที่ใช้ Lead indicator จะได้เปรียบในตลาดหุ้น เพราะสามารถคาดการณ์การเติบโตของหุ้นได้ก่อนที่งบการเงินจะออกมา

ตัวอย่าง Lead indicator ในธุรกิจต่างๆ

  • AOT: จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
  • กลุ่มท่องเที่ยว: จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย (แต่ความสัมพันธ์จะไม่ใกล้ชิดเท่ากับ AOT)
  • BAFS: ปริมาณเที่ยวบินที่เดินทางเข้าออกประเทศไทย
  • กลุ่มโรงแรม: RevPar (รายได้เฉลี่ยต่อห้อง)
  • ทีวีดิจิตอล: ตัวเลขเรตติ้ง, ค่าโฆษณาเฉลี่ยต่อนาที
  • ธุรกิจอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, GDP
  • ธนาคาร: GDP, NIM (Net Interest Margin)
  • รับเหมาก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย: Backlog
  • อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า: อัตราการเช่า
  • **ร้านค้าปลีก:**ยอดขายสาขาเดิม (Same Store Sales Growth), อัตราการเปิดสาขาใหม่
  • ทางด่วน: จำนวนรถที่ใช้ทางด่วน
  • ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน: ราคาน้ำมัน
  • ธุรกิจอาหาร (ไก่ หมู ปู กุ้ง): ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
  • ธุรกิจปุ๋ย: ปริมาณน้ำในเขื่อน
  • เครื่องปรับอากาศ: อุณหภูมิ

ข้อควรระวัง

  • Lead indicator บางตัวอาจไม่ได้มีความสัมพันธ์กับรายได้ของธุรกิจเสมอไป ดังนั้นควรตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง Lead indicator กับรายได้ย้อนหลัง โดยใช้เครื่องมืออย่าง Excel หรือ Google Sheets เพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์
  • แม้ว่า Lead indicator จะมีความสัมพันธ์กับรายได้ในอดีต แต่อนาคตของธุรกิจก็ยังคงมีความไม่แน่นอน

FRT

ในช่างครึ่งแรกของปี เครือร้านขายยา Long Chau มีรายได้เพิ่มขึ้น 67% ในช่างเวลา
เดียวกัน โดยมีมูลค่า 11,521 พันล้านดองเวียดนาม และคิดเป็น 63% ของรายได้รวมของ
บริษัท ประสิทธิภาพการดำเนินงานยังคงเดิมโดยมีรายได้เฉลียต่อร้านขายยาประมาณ 1.2
พันล้านต่อเดือน ในบริบทที่บริษัทเปิดร้านขายยาใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Long Chau ยังขยายเครือฆ่ายการฉีดวัคซ็นด้ายศูนย์ใหม่ 36 แห่งในใดรมาสที่ 2
ส่งผลให้มีศูนย์ทั้งหมด 87 แห่งใน 40 มณฑลและเมืองต่างๆ ช่วยเร่งกระบวนการสร้างระบบ
นิเวศการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมให้กับลูกค้า

Long Chau คาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ในระดับตัวเลขสองหลัก และบริษัทมีแผนจะเปิดร้านขายยาใหม่ 400 แห่งเพื่อให้มียอดรวมถึง 1,900 แห่ง

Business model

Business Model Canvas ของ Airbnb แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างธุรกิจและแนวคิดของแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางระหว่างเจ้าของที่พักและนักท่องเที่ยว โดยจะแบ่งเป็น 9 ส่วนสำคัญ ดังนี้:

  1. Customer Segments (กลุ่มลูกค้า)
  • นักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางที่ต้องการที่พักแบบเฉพาะตัวและไม่เหมือนกับโรงแรมทั่วไป
  • เจ้าของบ้านหรือเจ้าของที่พักที่ต้องการหารายได้จากการให้เช่าที่พักของตน
  1. Value Propositions (คุณค่าที่เสนอให้ลูกค้า)
  • ผู้เดินทาง: ได้ที่พักที่หลากหลาย ทั้งราคา สไตล์ และทำเลที่ตั้ง โดยสามารถเข้าถึงประสบการณ์แบบท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร
  • เจ้าของที่พัก: โอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากการให้เช่าที่พักของตนเอง โดยมีการบริหารจัดการง่ายผ่านแพลตฟอร์ม
  1. Channels (ช่องทางการสื่อสารและการจัดจำหน่าย)
  • เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ Airbnb ที่เป็นแพลตฟอร์มกลางให้ลูกค้าค้นหาและจองที่พัก
  • โซเชียลมีเดียและการโฆษณาเพื่อดึงดูดผู้ใช้ทั้งสองฝ่าย
  1. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า)
  • ระบบรีวิวและคะแนนจากผู้ใช้งาน ทำให้ลูกค้ามั่นใจในการเลือกที่พัก
  • ฝ่ายบริการลูกค้าและการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง
  • ระบบอัตโนมัติสำหรับการค้นหาและจองที่พักที่สะดวก
  1. Revenue Streams (กระแสรายได้)
  • ค่าธรรมเนียมการจองจากทั้งผู้เดินทางและเจ้าของที่พัก (Airbnb จะเก็บค่าธรรมเนียมประมาณ 3-5% จากเจ้าของที่พัก และ 6-12% จากผู้เช่า)
  1. Key Resources (ทรัพยากรหลัก)
  • แพลตฟอร์มออนไลน์ที่แข็งแกร่งและปลอดภัย
  • เครือข่ายของเจ้าของที่พักและผู้เดินทาง
  • แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก
  • เทคโนโลยีสำหรับการบริหารจัดการข้อมูลและการทำงานแบบอัตโนมัติ
  1. Key Activities (กิจกรรมหลัก)
  • การพัฒนาและบำรุงรักษาแพลตฟอร์ม
  • การตลาดและการดึงดูดลูกค้า
  • การจัดการด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในแต่ละประเทศ
  • การให้บริการลูกค้าและการสนับสนุน
  1. Key Partnerships (พันธมิตรหลัก)
  • บริษัทการชำระเงินออนไลน์ เช่น PayPal, Stripe
  • พันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่นที่ให้บริการต่าง ๆ เช่น การทำความสะอาด การขนส่ง
  • หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวและการพักผ่อน
  • พันธมิตรด้านเทคโนโลยี เช่น การโฮสต์ข้อมูลบนคลาวด์
  1. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน)
  • ค่าพัฒนาระบบและการบำรุงรักษาแพลตฟอร์ม
  • ค่าโฆษณาและการตลาด
  • ค่าบริการและการจัดการลูกค้า
  • ค่าธรรมเนียมด้านกฎหมายและการปฏิบัติตามข้อกำหนด

Airbnb ใช้โมเดลธุรกิจแบบแพลตฟอร์มที่เน้นการสร้างเครือข่ายผู้ใช้และการใช้ประโยชน์จากการเติบโตของเครือข่าย (network effects)

Valuation

ของดีอีกแล้วครับ อจ.ดาโมดารันมาอธิบายเรื่องแบรนด์เกี่ยวข้องกับ Valuation อย่างไร? ฟังไปจิกหมอนไป โอยยยยมันดี

กรณีศึกษาการประเมินมูลค่ากับการสร้างแบรนด์

  1. Brand ไม่ได้เป็นแค่ชื่อแบรนด์ที่คนจดจำได้ เพราะแบรนด์บางแบรนด์เราก็จำได้ แต่จะไม่มีวันยอมจ่ายแพงขึ้นสำหรับแบรนด์นั้นๆ เช่น AT&T ถือเป็นตำนานเลยเพราะเป็นแบรนด์เครือข่ายมือถือที่ใครๆก็รู้จัก
  2. Brand จะมี Value ต่อเมื่อคนรู้จักชื่อแบรนด์ของคุณแล้วทำให้คนมีโอกาสซื้อสินค้าของคุณมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มรายได้และการเติบโตของรายได้ หรือทำให้คนยอมจ่ายในราคาสูงขึ้นเพื่อสินค้าและบริการที่ใกล้เคียงกัน หรือในอีกมุมอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของบริษัทต่ำลงได้ เพราะผู้ให้กู้จะคิดว่า บริษัทที่มีแบรนด์ที่คนคุ้นเคยมีความปลอดภัยมากกว่าและน่าจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าแบรนด์ที่คนไม่รู้จัก
  3. ในมุมการจ้างงานบริษัทอาจจะสามารถหาพนักงานได้ดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่า เพราะคนอยากจะทำงานกับบริษัทที่มีแบรนด์มากกว่า
  4. แบรนด์เนมแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน แบรนด์ของบริษัท และแบรนด์ของสินค้า ส่วนใหญ่แล้วแบรนด์ของสินค้ามักจะมาก่อนบริษัทเสมอ เช่น คนจำสบู่ Dove ได้ แต่แทบไม่มีใครรู้จัก Unilever ไม่เหมือนโค๊ก ที่คนรู้จักทั้งโค๊ก สไปรท์ และบริษัทโคคา โคล่า จะเห็นว่าถ้ามองแบบนี้พลังของแบรนด์ของทั้ง 2 กรณีก็ไม่เท่ากันแล้ว
  5. แบรนด์อีกประเภทคือกลุ่ม Personal Brand เช่น Messi Taylor Swift อันนี้ก็จะมีพลัง ลองนึกภาพทีมบอล Inter Miami ก่อนมี Messi และหลังมี Messi ดู มันคนละเรื่องกันเลย Messi มีพลังในการดึงดูดคนเข้ามาที่แบรนด์ Inter Miami
  6. มีธุรกิจดังๆมากมายที่มี Competitive Advantage แต่ไม่ได้ถือว่ามีแบรนด์ เช่น Walmart มี Cost Advantage ถ้าไม่ขายถูกก็คงไม่มีใครไป Walmart บริษัทอย่าง Google หรือ Facebook มี Network ที่นักการตลาดทุกคนต้องการ บางบริษัทมี Switching Cost สำหรับบริษัทยาก็ไม่ใช่แบรนด์เช่นกันแต่เป็นลิขสิทธิ์ที่ป้องกันบริษัทจากการถูกลอกเลียนแบบ
  7. บริษัทที่ยอดเยี่ยมไม่จำเป็นต้องมีแบรนด์ก็ได้แต่ต้องมี Competitive Advantage
  8. Value ของบริษัทมาจากปัจจัย 5 อย่างด้วยกัน ซึ่งแบรนด์เนมกระทบทั้ง 5 ปัจจัย
  9. Revenue Growth ยิ่งโตแรงยิ่งมี Value สูง แบรนด์ทำให้มีการเติบโตที่สูงขึ้น
  10. Operating Margins ยิ่งทำกำไรได้มากยิ่งมี Value สูง แบรนด์ทำให้เกิดการขึ้นราคา ทำให้กำไรสูงขึ้น
  11. Growth/Investment Efficiency ยิ่งมีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ยิ่งมี Value สูง แบรนด์ทำให้มีความต้องการในการลงทุนต่ำ ไม่ต้องโฆษณา
  12. Cost of Capital ยิ่งมี Cost of Capital ต่ำ ยิ่งมี Value สูง การมีแบรนด์ที่แข็งแกร่งทำให้ความเสี่ยงต่ำลง แน่นอนสูงขึ้น Cost of Capital ต่ำ
  13. Failure Risk ยิ่งมีความเสี่ยงของการล้มเหลวต่ำยิ่งมี Value สูง แบรนด์เนมทำให้มีโอกาสเจ๊งน้อยกว่า หรือกลายเป็น 0 น้อยกว่า สมมุติจะเจ๊ง แต่ถ้ามีแบรนด์ที่แข็งแกร่งเดี๋ยวก็มีคนมาซื้อไป Value จะไม่ใช่ 0 ซะทีเดียว (นึกถึงเคสที่ Bernard Arnault ไปซื้อ Louis Vuitton มาตอนมีปัญหา)
  14. แบรนด์เนมกระทบกับ Operating Margins ชัดสุดผ่าน Pricing Power ตัวอย่าง ยาแก้ปวดถ้าซื้อ Tylenol จะแพงกว่าของ CVS แล้วได้ Spec เท่ากันแบบนี้ก็ซื้อ CVS ดีกว่า
  15. บริษัทที่ประเมินมูลค่าง่ายที่สุดคือบริษัทที่แบรนด์เนมเป็น Competitive Advantage ที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว เช่น Coca Cola หรือ Kellogg เพราะแค่ต้องประเมินอัตราการเติบโตให้ได้ ส่วน Margin แทบไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะตั้งสมมุติฐานของ Margin อยู่บนอัตรากำไรปกติ
  16. อจ.ประเมินมูลค่าแบรนด์ของ Coca Cola ด้วยการประเมิน DCF ของ Coca Cola ด้วย Margin เฉลี่ยของเครื่องดื่มที่มีแบรนด์ เทียบกับ DCF หุ้นด้วย Margin ของ Coca Cola สรุปออกมาคือถ้าใช้ Margin เฉลี่ยจะให้ Value ของ Coca Cola ที่ 149 Billion ในขณะที่ถ้าใช้ Margin ของ Coca Cola เองจะได้ Value 281 Billion เอามาลบกัน เอา 281-149 = 132 Billion นั่นคือมูลค่าของแบรนด์ Coca Cola (ผมว่า Make sense กว่ามูลค่าแบรนด์ที่ Marketer ชอบประเมินเยอะ)
  17. แต่เรื่องจริงไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะหุ้นส่วนใหญ่ไม่ได้มีแค่แบรนด์เนม แต่มีประเด็น Competitive Advantage อื่นๆด้วยเช่น ถ้าต้องประเมิน AAPL ที่มี App Ecosystem เป็นจุดแข็งที่คนอื่นไม่มีด้วย
  18. อจ.เคย Value Birkenstock ด้วย ตอนนั้น Birkenstock ขึ้น 30% เพราะหนัง Barbie ใส่ Birkenstock สีชมพู ตอนนั้นอจ.ใช้ Margin ของ Birkenstock กับ Margin ของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
  19. บริษัทที่มีแบรนด์เนมต้องมี Margin สูงกว่าค่าเฉลี่ย Nike มี Operating Margin สูงกว่าค่าเฉลี่ย (ประมาณ 1-2%) ตลอดจนมาถึงปี 2023 ซึ่งเป็นปีแรกที่ Margin ของ Nike ลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (อจ.ใช้ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของรองเท้าและเสื้อผ้า เพื่อให้เข้ากับสัดส่วนรายได้ของ Nike)
  20. อจ.ประเมินมูลค่าด้วยการใช้อัตราการเติบโตเฉลี่ยและ Margin ของแต่ละช่วงมาทำเป็น 3 ช่วง ราคา $62 – $83 ซึ่งหลังจากที่ Nike เปลี่ยน CEO ราคาหุ้นได้วางขึ้นมาจนถึงระดับ $80+ ซึ่งถือว่าสะท้อนการเป็นบริษัทที่มีการเติบโตและ Operating Margin ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยไปแล้ว สะท้อนว่าคนคาดว่าแบรนด์เนมของ Nike จะกลับไปดีเหมือนเดิม
  21. การทำการตลาดอาจไม่ช่วยเรื่องแบรนด์เนม อจ.ยกตัวอย่าง AT&T อีกครั้งที่ทุ่มงบการตลาดมหาศาลมากในอดีตที่ผ่านมา (ติด Top Ten) แต่ก็ขึ้นราคาไม่ได้ การทุ่มงบการตลาดไม่ได้หมายความว่าจะสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนให้กับบริษัท
  22. แบรนด์เนมเกิดได้จาก 4 ปัจจัยด้วยกัน
  23. แบรนด์เนมต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับ Emotion Factor เช่นอิสระภาพ Chevrolet, Happiness กับ Coke, Aspiration เช่น Hermes
  24. แบรนด์เนมต้อง Build around Celebrity Connection เช่น Jordan กับ Nike, Messi กับ Inter Miami และ Spill over ไป Apple TV ด้วยเพราะ Apple TV ถ่ายทอดสด Major League Soccer
  25. แบรนด์เนมเกิดจากเหตุการณ์พิเศษต่างๆ เช่นตอนที่สร้างโลโก้ Nike ขึ้นมา
  26. แบรนด์เนมที่เกิดจากการโฆษณา เช่นโฆษณาของ Apple ในปี 1984 ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของคนที่มองบริษัทในระยะยาว โฆษณาต้องยอดเยี่ยมจนคนสามารถจำได้ และรู้สึกได้
  27. การสร้างแบรนด์เนมมี Trade-off ที่ต้องใช้เงิน และมีการเสียโอกาสอื่นๆเช่น ถ้าคุณเป็นแบรนด์ที่เน้นความรักชาติ เช่นสหรัฐฯ คุณจะไป Made in China ก็ไม่ถูกต้องมันจะทำลายแบรนด์ แต่ถ้าไปทำในจีนอาจจะต้นทุนถูกลงและกำไรดีกว่า คุณต้องประเมินว่าต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปจะมากกว่าประโยชน์ที่ได้ในเชิงยอดขายหรือการทำกำไรหรือไม่? และก็ต้องอย่าลืมว่าแบรนด์เนมไม่ใช่ Competitive Advantage เพียงอย่างเดียว
  28. การพังทลายของแบรนด์เนมมีอยู่ 5 ข้อด้วยกัน
  29. แบรนด์ที่หมดอายุ / แก่ลง เช่น Heinz และ Kraft … แต่เด็กรุ่นใหม่ๆไม่ได้อินกับแบรนด์เหล่านี้อีกต่อไปแล้ว
  30. แบรนด์ที่ถูกละเลย เช่น Quaker Oats ที่โดนโจมตีจากบริษัทซีเรียล Quaker ไม่เคยโปรโมตตัวเองเลยว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
  31. Cultural Changes เช่น แบรนด์ของสินค้าที่เคยแข็งแกร่งมากๆในอดีตเช่น บุหรี่
  32. Changing Taste เช่น Gap ที่เป็นแบรนด์ที่ดังมาก หลังจากนั้นเป็นยุคของ A&F แล้วก็เป็นยุคของ Uniqlo และ H&M
  33. Toxic Connection สิ่งที่คนเคยชอบแต่ตอนนี้ไม่ชอบอีกต่อไปและมองในแง่ลบ เช่นโฆษณาของ A&F ที่เน้น Sex
  34. แต่การฟื้นคืนชีพแบรนด์ก็สามารถทำได้เช่น Crocs, Lego ที่ขายสวนสนุกทิ้งและปรับสินค้าไปที่ผู้ใหญ่แทนที่จะเป็นเด็ก เช่น Starwars Lego การฟื้นคืนชีพของแบรนด์ทำง่ายกว่ากับ Niche brand และ Brand ที่ยังไม่เก่ามาก
  35. ปัญหาของ Nike คือไปเน้นขายช่องทาง Digital มากขึ้น ละเลยช่องทาง Wholesales ซึ่งเป็นช่องทางที่คนชอบไปเดินช๊อปดูของ และกลายเป็นช่องว่างให้ On กับ Hoka เกิดขึ้นมาได้ New Balance เป็นแบรนด์ที่ดีที่สามารถฟื้นตัวได้
  36. Nike ทำการตลาดผ่าน Celebrity เช่น Jordan ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ดังกับเด็ก Gen ใหม่ๆแล้ว แต่ Nike ก็เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งก็หวังว่า CEO คนใหม่จะฟื้นบริษัทกลับมาได้

By. เทรนด์ลงทุน

เจอคลิปสัมภาษณ์ Mohnish Pabrai ครับ รอบนี้พูดถึงเรื่องหุ้นเด้ง ไปจนถึง 100 เด้งเลย
มีรายละเอียดที่น่าเอาไปศึกษาต่อเยอะเลยครับ

ปล.รอบนี้ไม่ถึงกับจิกหมอนแต่ก็ฟินไม่น้อยครับ

หาหุ้นเด้งแบบ Mohnish Pabrai เก้าอี้สามขาของการลงทุนหุ้นเด้ง

  1. วิธีที่ดีที่สุดคือการโฟกัสในการหาหุ้นเด้ง หลักการซึ่งเป็นพื้นฐานของ Value Investing ธุรกิจที่สามารถขึ้นเป็น 10 เด้งได้ในระยะเวลา 10 ปี หรือ 100 เด้งในระยะเวลา 20 ปี
  2. พยายามซื้อให้ถูกอย่างน้อยซื้อเงิน 100 บาทในราคา 50 บาท
  3. หาหุ้นที่กำลังซื้อหุ้นคืน (เคสนี้ไทยมีน้อยแต่ตปท.โดยเฉพาะสหรัฐมีเยอะมาก)
  4. หาหุ้น Spawners ธุรกิจที่สร้างธุรกิจใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
  5. ต้องเปลี่ยน Mindset จาก Value Investing ปกติ ซึ่งเป็นการหาหุ้นที่ราคาถูก และขายมันออกไปเมื่อถึงราคาเหมาะสม (Fair Value) แล้ว
  6. แต่ถ้าเป็นการหาหุ้นเด้ง บางครั้งอาจจะต้องมองข้ามความ Fair Value หรือบางครั้งอาจจะ Overvalue ไปบ้าง การซื้อที่ 50 บาท แต่ยังไม่ขายหากมันวิ่งไปที่ 100 บาท เพราะในอนาคตมูลค่าที่แท้จริงอาจเติบโตไปจนถึง 150 บาท พอหุ้นวิ่งไป 200 บาท ถ้าเป็น Ben Graham แบบปกติต้องขายไปแล้ว ถ้าลงทุนแบบหุ้นเด้งบางทีอาจจะยังเก็บหุ้นตัวนั้นอยู่ได้ ถ้ามั่นใจว่าโตได้ 10-20 ปี Runway ยาว
  7. Mohnish Pabrai ยกตัวอย่าง McDonald ซึ่งเข้าตลาดปี 1960 อยู่ในตลาดมา 60 ปี และยังโตอยู่ หุ้นตัวนี้โตเป็นหมื่นเด้ง สิ่งที่น่าสนใจคือ McDonald โดนก๊อปเยอะมาก แต่ McDonald ก็ยังสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้
  8. ในสมัยนั้นคนจะรู้ว่าเข้า McDonald จะได้อะไรบ้าง มาตรฐานประมาณไหน ซึ่งกลายเป็น Moat ในภายหลัง และไม่มีสัญญาณอะไรบอกว่า Moat ของ McDonald กำลังจะพัง ธุรกิจนี้ยังเป็นธุรกิจที่มี ROE สูงมาก
  9. ถ้าลองหยิบรายงานประจำปีของ Walmart มาดูหลังเข้าตลาด 7-8 ปี จะเจอว่า Walmart มี Store Economics ที่ดีมาก (กำไรดีคืนทุนเร็ว) ให้ ROE สูงมาก แต่ยังเล็กมาก ในปี 1980 พื้นที่ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯยังไม่มี Walmart
  10. Coca Cola ตั้งมา 130 ปีแล้ว Moat ยังเติบโตได้เรื่อยๆ เพราะโค๊กไม่ได้ผลิตเอง แต่ขายน้ำเชื่อมให้ Partner ไปทำ
  11. เก้าอี้ 3 ขาของการลงทุนหุ้นเด้งคือ
  12. ผลตอบแทน ROIC สูงมาก .. ถ้าจะให้ดีคือต้องไม่มีหนี้
  13. ผู้บริหารที่ซื้อสัตย์ และมีการถือหุ้นในระดับสูงซึ่งทำให้มี Incentive ในทิศทางเดียวกันกับผู้ถือหุ้น
  14. Long Runway การเติบโตในอนาคตที่สูงอย่างต่อเนื่อง
  15. หลังจาก Moat และ Runway การเติบโตเริ่มชัดเมื่อไหร่ คนในตลาดเริ่มเข้าใจ ราคาจะเข้าสู่ Perfect Price และอาจหาช่วงเวลาราคาถูกได้ยากมาก
  16. ประเด็นคือถ้า Runway การเติบโตมันยาวพอ เช่นโตต่อเนื่องเป็นเวลา 10-20 ปี แม้แต่หุ้นที่ดูแพงก็อาจจะเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยมได้ในระยะยาว เพราะถ้าสร้าง ROIC ได้ 18%+ เป็นระยะเวลา 20-30 ปี ยังไงก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ดี
  17. แต่การเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าที่ดี ต้องคิดและระแวดระวังอยู่ตลอด ห้ามคิดว่าทุกอย่างจะไปดวงจันทร์เป็นอันขาด !!! และแน่นอนว่าถ้าโตนานขนาดนั้น จะมีคู่แข่งและการแข่งขันเข้ามาแน่ๆ
  18. Multi-bagger Framework มี 4 อย่างที่สำคัญ
  19. ROE ที่สูง ถ้าไม่สามารถสร้าง ROE ที่สูงได้แทบจะจบเลยไม่ต้องดูแล้ว
    ถ้า ROE สูงแต่ต้องลงทุนเยอะ หรือต้องกู้เงินมากเพื่อการเติบโต ก็จบเช่นกันไม่ต้องดูต่อ
  20. ถ้าผู้บริหารไม่ซื่อสัตย์ หรือมีความน่าสงสัยในหลายๆเรื่อง จบเหมือนกันไม่ต้องดูต่อ
  21. ธุรกิจต้องมี Runway การเติบโตที่สูงและต่อเนื่องยาวนาน
  22. ถ้า 3 อย่างผ่านหมด สุดท้ายค่อยมาดูราคาว่าราคาตอนนี้เป็นอย่างไร?
  23. แค่หาหุ้นที่จะมี ROE สูงและเติบโตต่อเนื่องได้ในอนาคต แค่นี้เผลอๆจะสกรีนหุ้นออกจาก List ไปแล้ว 95% ของตลาด (ตัวเลขผมใส่เพิ่มให้เองนะครับ จากประสบการณ์)

~เทรนด์ลงทุน

PR9

PR9 CV 29-9-24
Theme CV Hospital
By สมาคมนักลงทุนประเทศไทย X หลักทรัพย์ Pi

Review Q2
2Q22 – 2Q23 – 2Q24
Revenue 980.0 – 1,015.6 – 1,097.5 (+8.1% YoY )
Net Profit 124.8 – 121.0 – 139.1 (+15.0% YoY)
NPM 12.7% – 11.9% – 12.7%
Occupancy Rate IPD 61% – 56% – 53% ถือว่าดีเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา
No.of OPD Visits 126,000 – 131,000 – 136,000 visits
Medical Revenue 970 – 1,005 – 1,084 +7.8% YoY

1H22 – 1H23 – 1H24
Revenue 1,959.2 – 1,983.5 – 2,178.1 +9.8% YoY
Net profit 281.8 – 229.8 – 298.1 +29.7% YoY
NPM 14.4% – 11.6% – 13.7%

Building A : Normal Ward 142 Bed / ICU-CCU 24 Bed
Building B : Normal Ward 38 Bed
Total 204 Bed

Examination room
Building A : 69 Rooms
Building B : 89 Rooms
Total 158 Rooms

สัดส่วนรายได้ 2Q24
OPD 60% IPD 40%
Self pay ลดจาก 70% เหลือ 69%
ที่โตเยอะคือ insurance / contract จากการทำ partnership
ส่วนที่เพิ่มมาก คือ inter จาก 13 > 15%
โตทั้งแง่ visit / revenue per visit
Revenue per patient day เพิ่ม> โรคซับซ้อนขึ้น
Npat margin improve มากเป็น13.7%

ตั้งแต่ Q2 2018 เราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
Self pay 69% โต 6.7%
ตลาดประกันโต 16.5%
เป็นคนไทย 85% โต 5.3%
Inter โต 23.7%

Revenue opd +9.7% จากจำนวน visit + revenue/visit
ipd revenue growth 5.2%
Patient day ลดเล็กน้อย

Profitability Gp 350 > เริ่ม drop เล็กน้อย
Net profit 139 ล้าน npm ลดเล็กน้อย
1H revenue 2,178 + 9.8%
Np 297.1 m + 29.7%
Balance sheet
ส่วนที่เพิ่มคือเงินลงทุนระยะสัั่น เพราะมีเงินเหลือเยอะ
ตัวเลขจึงดีขึ้นทุกตัว

Business update
แผนธุรกิจ
2024 -2026
Global standard
World class hospitality 
PR9 อยู่อันดับ 33 > best specialize hospital in orthopidics
เรามีครบทุก Subspecialties > ผ่าตัดได้ทุก organ
กลุ่มประกัน เข้ามาหาเรามากขึ้น เพราะได้มาตราฐาน บริการดี ราคาเหมาะสม

Smart hospital solution > เป็นระบบ Line
ทำประวัติได้จากที่บ้าน
รับผลตรวจสุขภาพได้ใน app เลย
ยืนยันตัวตน ทำประวัติ / นัดหมาย / ระบบ check in / personal health record

Branding > สร้าง brand awareness ผ่านระบบ social / เช่นการเปลี่ยนไต
Collaboration : ร่วมกับ SC asset ระบบ morning coin
X Caiva ( บริษัท tech จาก PTTEP ในเรื่องการตรวจยีนส์ )
X SenX ของ Sena ลูกค้ามีส่วนลด

International customer
ปลาย Q4/23 เริ่มรับลูกค้ากลุ่มต่างชาติ เช่นอาหรับ
เพิ่ม team international marketing / ผ่านระบบ agent
ยอดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง triple digit growth
มี celeb จากเมืองนอกมาทำ content ให้
กิจกรรม thai-Myanmar business matching
มี matching กับทางซาอุดิอาราเบีย > เดิมเค้าส่งคนไปรักษาที่ยุโรป > บริษัทประกันจึงมองหาประเทศที่มีคุณภาพราคาเหมาะสม = เป็นโอกาสของเรา

Renovate building A
คาดว่าจะเปิดได้เดือนหน้า
แต่ทั้งชั้นจะเปิดได้ Q4
ปรับปรุง look ใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้น

จิตแพทย์มี 9 ห้องตรวจ คนแน่นมากๆ
รพ เปิดมา 32 ปี ปี2535
ในปีแรกผ่าตัดเปลี่ยน ไต สมอง หัวใจ > รักษาโรคยากมาตั้งแต่เริ่ม
ธุรกิจเริ่มจากผู้ถือหุ้น 800 คน + แพทย์ 1x คน อยากได้โรงพาบาลที่ดี ได้มาตราฐาน

มีการเริ่มรุกด้านการตลาดมากขึ้น
เงินที่ลงทุนพยายามใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตึก A เริ่มแน่น เลยซื้อที่ข้างๆ เดินผ่านสะพานข้ามคลองได้
กลุ่มลูกค้าคือคนรุ่นใหม่ ต่างชาติ
Wellness ตรวจสุขภาพ office syndrome

Focus
มาตราฐาน JCI ไต > survival rate 95% / เบาหวาน
World class hospitality
การบริการที่ดี  > ส่งคนไปเรียนที่โอเรียลเต็ล
การลด process การทำงาน ( lean )
Partner
Digital transformation :

ราคาจะถูกกว่า premium 15%
ลูกค้าประกันเพิ่มขึ้น > ประกันมองหาโรงพยาบาลมาตราฐานที่ราคาไม่แพง
จึง co กันมากขึ้น

รายได้จาก Shopee Lazada ดีขึ้นเรื่อยๆ
ใช้ code จาก shopee ไปยื่นได้เลย

ลูกค้าต่างชาติ
ทำ social media ( Snapchat)
มี celeb จากบังคลาเทศ เข้ามา
ไปออกบูทที่พม่า บังคลาเทศ ซาอุดิอาราเบีย
ซาอุจะลดการ subsidize > ใช้ระบบประกันมากขึ้น

ติด solar roof top

Q&A
Q จุดแข็งคือหมอ มีเคล็ดลับในการดึงหมอมาทำกับเรา
A แพทย์เดิมเป็นอาจารย์แพทย์จากรามา ( อ.วิรุฬ) ซึ่งมีหมอที่รู้จักกัน ( อ.ปิยมิตร อ.สรณะ )
เดิม เราขยายมาจากรามา เลยดึงจากรามาตอนนี้จะมาจาก จุฬา ศิริราชส่วนมากจะดึงเพื่อนๆมา
เรามี doctor lounge  มีรถรับส่ง  / Incentive ( มี guarantee + df )
แทบไม่มีการโดนซื้อตัวไปที่อื่น

Q คนไข้ตปท ที่มีศักยภาพเป็น GOP agreement
A คนไข้ต่างชาติ
cLmV 50% ใช้ self pay
จีน 20-30% self pay
อาหรับ และอื่นๆ  อาหรับใช้ GOP เช่น การ์ตา UAE โอมาน เป็นมากคือแผลเบาหวาน
ที่มีปัญหาคือคูเวต ตอนนี้มีปัญหาภายใน เลยหยุดก่อน
ที่มาคือ self pay

Q guarantee of payment (gop) คืออะไร
A สมมติคนไข้จะผ่าหลัง > ส่งแผนไปให้รัฐบาล approve. ถึงรัฐถึงจะจ่ายให้

Q gop / self pay margin ต่างกันมั้ย
A เท่ากัน

Q ราคารักษา
A ค่าแพทย์ 500-1000 จิตแพทย์ 1500-12000
ค่าเหยียบโรงพยาบาล 350 / online 150

Q เป้าเน้นอีก 5 ปี
A ปี 2030 เป้า 10,000 ล้าน
ต้องเปิดตลาด inter มากขึ้น / มองหาประเทศใหม่ๆ

Q ทำไม PR9 รายได้ opd มากกว่า ipd
A ตอนเข้าตลาดใหม่เป็น 50%
พอเปิดตึกใหม่  opd เลยเพิ่มขึ้น > โจทย์คือจะ turn เป็น ipd ยังไง
Opd จะเป็นฐานของ ipd

Q 2030 มี 10,000 ล้าน จะขยายโรงพยาลมั้ย
A เก็บเงินไว้สำหรับ future project กำลังพิจารณาอยู่ ใน 1-3 ปี

Q จะปันผลเพิ่มมั้ย
A ดูเรื่องการลงทุนควบคู่ไปด้วย

Q ลูกหนี้การค้าที่เกิน 6-12 เดือนเพิ่ม
A ลูกหนี้ usep / เงื่อนไขการวางบิล
ประเด็นจากภาครัฐ / พยายามติดต่ออยู่ มีการตั้งสำรองไว้แล้ว (40 – 50%) จริงๆเราไม่เน้นภาครัฐ

Q สัดส่วนต่างชาติ กำไรดีกว่ามั้ย
A เป้า 20% ลูกค้าต่างชาติ margin สูงกว่าคนไทย กำไรดีกว่า 10-15%

Q การเปิด international lounge ต้องลงทุนอะไร
A ทีมล่าม แพทย์ พยาบาล ระบบการทำเอกสาร ที่ต้องทำทุกวัน
สถานที่ การตลาด online offline
การลงทุนยังไม่ถึงครึ่ง

Q margin ค่า lab ค่ายา มี cap ไว้มั้ย ( จากภาครัฐ )
A เราต้องส่ง list รายการเข้าไปปีละครั้ง
ราคาพยายามจะไม่ให้แพงเกินไป

Q การจัดหาไต
A ผู้ให้ยังมีชีวิต เช่น ครอบครัว
ผู้บริจาคที่เสีย
ผู้เข้า waiting list ต้องตรวจเลือดทุก 3 เดือน

Q การลงทุนปีหน้า ทำอะไร
A อาจจะไปร่วมกับ partner แต่โปรเจคยังไม้ชัด

Q ลูกค้าต่างประเทศ ถ้าเค้าต่อรอง
A มีบ้าง เล็กๆน้อยๆ มีระบบดูแลอยู่

Q ลูกค้าโอมาน ถ้าส่งบิลแพงไป
A ก็มีการเจรจา

Q เคส THG กระทบเรามั้ย
A ไม่กระทบ

Q เป้า 10,000 จะขยายยังไง
A เดิมได้ 300 เตียง > น่าจะพอ
เพิ่ม occupancy ของ opd

Q ipd capacity
A ต่างชาติ เน้น ipd
เช่นแผลเบาหวาน ไต หัวใจ
Length 2-3 วัน

Q JCI
A มีมาตั้งแต่ปี 2010 มีตรวจทุก 3 ปี

Q พื้นที่ coverage จะขยายออกจาก กทมมั้ย
A วางแผนอยู่

Q ภาพรวม landscape ใกล้ มีการแข่งขันสูงมั้ย
A แต่ละที่ มี่จุดเด่นที่แตกต่างกันไป
แข่งกันที่บริการ

Q การที่เราราคาต่ำกว่า top tier แต่เทียบกับทั่วไป
A นโยบายขึ้นราคา เราไม่ได้ขึ้นมาก ขึ้นตามที่ vendor เราขึ้น
ถ้าลูกค้าใช้บริการต่อเนื่อง เช่นล้างไต ก็จะขึ้นน้อยหน่อย
เอา volume ไปต่อกับ vendor

Q ticker size. เพิ่มขึ้นมั้ย
A การตั้งราคาดู margin + amount ประกับกัน แล้วเทียบกับตลาด

Q โรงพยาบาลสีเขียว มี room เท่าไหร่
A ยังค่อยๆปรับขึ้นได้อีก ประมาณ 10%

Q feedback จากต่างชาติ
A แรกๆยังไม่คุ้นเคย ตอนนี้ดีขึ้น ราคาถือว่าไม่แพง

Q อาจารย์หมอ ดังต่างกัน ต้นทุนต่างกัน ค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าจ่ายต่างกันมั้ย
A  ส่วนใหญ่ลูกค้า จะ check ข้อมูลมาก่อนแล้ว

Value Proposition

Value Proposition ของ 7-Eleven และ โลตัส (Tesco Lotus) มีความแตกต่างกันดังนี้

7-Eleven

  1. ความสะดวกสบาย (Convenience):
  • สถานที่ตั้ง: มีสาขาอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ทำให้เข้าถึงได้ง่ายทั้งในเขตเมืองและชานเมือง
  • เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง: ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน
  1. สินค้าพร้อมใช้ทันที (Ready-to-Use Products):
  • ผลิตภัณฑ์หลากหลาย: มีของกิน ของใช้ประจำวันที่หลากหลาย เช่น ขนม เครื่องดื่ม อาหารแช่เย็น และของใช้จำเป็น
  • บริการอาหารและเครื่องดื่มสดใหม่: เช่น ขนมปังสด เครื่องดื่มแช่เย็น และอาหารพร้อมทาน
  1. บริการเสริม (Additional Services):
  • บริการชำระเงินต่างๆ: เช่น ชำระบิลไฟฟ้า น้ำประปา ซื้อบัตรเติมเงินมือถือ
  • บริการอื่นๆ: เช่น จ่ายเงินค่าโทรศัพท์ เติมเงินมือถือ ส่งพัสดุ เป็นต้น
  1. ประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience):
  • การบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: เน้นการบริการที่ทันใจสำหรับลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว
  • โปรโมชั่นและโปรแกรมสะสมคะแนน: ดึงดูดลูกค้าผ่านส่วนลดและสิทธิพิเศษต่างๆ

โลตัส (Tesco Lotus)

  1. การเป็นร้านค้าหนึ่งที่ครบวงจร (One-Stop Shopping):
  • สินค้าหลากหลายประเภท: มีสินค้าเกือบทุกประเภท ตั้งแต่ของใช้ในบ้าน อาหารสด อิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า ไปจนถึงสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม
  • ขนาดร้านใหญ่: มีพื้นที่เพียงพอในการจัดวางสินค้าที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าหลายประเภทได้ในที่เดียว
  1. ราคาที่แข่งขันได้ (Competitive Pricing):
  • โปรโมชั่นและส่วนลด: มีการจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าเป็นประจำ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงิน
  • การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ: ส่งผลให้สามารถเสนอราคาที่แข่งขันได้
  1. คุณภาพและความหลากหลายของสินค้า (Quality and Variety):
  • แบรนด์หลากหลาย: มีสินค้าจากแบรนด์ต่างประเทศและในประเทศ ให้ลูกค้าเลือกสรรตามความต้องการ
  • สินค้าคุณภาพสูง: มุ่งเน้นการนำเข้าสินค้าที่มีคุณภาพดีเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
  1. ประสบการณ์การช็อปปิ้ง (Shopping Experience):
  • การจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบ: ทำให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก
  • บริการเสริมต่างๆ: เช่น บริการเก็บเงินสด บริการจัดส่งสินค้าออนไลน์ หรือบริการรับ-ส่งสินค้า
  1. นวัตกรรมและการปรับตัว (Innovation and Adaptation):
  • การพัฒนาออนไลน์: มีการให้บริการออนไลน์ที่สะดวกสบายสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต
  • การนำเทคโนโลยีมาใช้: เช่น ระบบจัดการสต็อกสินค้า ระบบจ่ายเงินที่รวดเร็ว

สรุป

  • 7-Eleven เน้นที่ ความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว และการให้บริการที่เข้าถึงได้ง่าย เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าหรือบริการในทันที และไม่ต้องการใช้เวลามากในการเลือกซื้อ
  • โลตัส (Tesco Lotus) เน้นที่ การเป็นร้านค้าครบวงจร ราคาที่แข่งขันได้ และประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ครบถ้วน เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าหลากหลายประเภทในที่เดียว และมองหาคุณภาพและความคุ้มค่า

ทั้งสองร้านมีจุดแข็งที่แตกต่างกันและตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในตลาดไทย

VIH

📌📌 Company Vist VIH 30/9/2024
จริงๆมีโรงพยาบาลที่มาให้ข้อมูลกับนักลงทุน ทั้งหมด 3 โรงพยาบาลเลยครับเป็นการจัด Company visit ที่ดีมากๆเราได้เห็นกลยุทธิ์การทำธุรกิจของแต่ละโรงพยาบาล ทั้งๆที่ก็อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันแต่ผมขอเริ่มสรุป เฉพาะคำถาม Q&A ที่ได้ไปฟังมานะครับแต่ขอเริ่ม VIH ก่อนอีก 2 โรงพยาบาลจะตามมาครับ
🙏🏻 ขอขอบคุณสมาคมนักลงทุนแห่งประเทศไทยและ Easy invest by Pi A8 ที่จัดกิจกรรมดีๆแบบนี้ครับ

✅- Q: ทำไม U Rate และ NPM เราถึงดูต่ำเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆในอุตสาหกรรมและด้วย U rate ที่ต่ำมันยังมี Room ให้โตอีกเยอะพอสมควร เรามีแผนจะทำอย่างไรให้รายได้เติบโต?
A: U-RATE ที่เราแสดงคือคนไข้ทั่วไปอย่างเดียว ประกันสังคม U-rate ประมาณ 70%-80% คิดว่า U-Rate 45-50 เต็มที่ คิดไม่ควรเกิน 60% ที่สามารถดัน U-rate ให้เพิ่มมากขึ้น

✅-Q: วิชัยเวชสาขาสมุทรสาคร ทำไม อัตราการทำกำไรต่ำ เราจะมีแผนหรือกลยุทธิ์อย่างไร ที่จะสามารถเพิ่มอัตราการทำกำไรอย่างไร?
A: สมุทรสาครมี Margin ค่อนข้างต่ำเนื่องจาก สมุทรสาครรายได้จากโรงบาล และ จากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ MMU (medical monlie checkup) เนื่องจากปี 2566 วิชัยเวชไป bidding ราคาข้างนอกเรื่องของ MMU ซึ่งได้มาจิ้นต่ำมาปี 2567 สมุทรสาครก็จะเปลี่ยนกลยุทธิ์ที่ว่า หา MMU ที่มีมาจิ้นที่สูง ถ้าครึ่งปีนี้จะเห็นได้ว่ากำไรตรงนี้ทำได้เยอะกว่าปี 2566

✅-Q :แนวโน้มรายได้ และ กำไร ในไตรมาส 3/2567 เป็นอย่างไร เหมือนจะมี คชจ Adjust Rw ?
A: 10 ล้านบาท รายได้Q3 โรคติดต่อจะเยอะ เป็น high season ของคนไข้ทั่วไปจะพีค เตียงจะเต็มในช่วง Q3 ครับ.

✅-Q: การปรับราคาขึ้น 3-7% ของทาง VIH ที่จะเริ่มต้นเดือนหน้านี้จะส่งผลต่อ. อัตราการทำกำไรขั้นต้นเท่าไร มีทำ Forecast มั้ยครับ
A: รายได้ตัวภาพรวมของ Cap ก็จะเพิ่มขึ้นไม่ได้ แต่ Non Cap ภาพรวมราคาจะเพิ่มขี้นมา 3% Up จากตัวเลขที่เราปรับ.

✅-Q: New s curve ใหม่ของเราตัวรพ.ใหม่ ที่รักษาโรคซับซ้อน ประเด็น คือจะดึงอาจารย์แพทย์มาร่วมงานกับ VIH ยังไงเพราะว่าอาจารย์แพทย์ศิริราชก็ทำงานตลอด 24 ชม.อยู่แล้ว
A: หลักๆที่เป็นคีย์ในการดึงดูดคนไข้ ไม่ใช่แค่ ฟูลไทม์อย่างเดียว ต้องเป็นพาทไทม์ ซึ้งเราก็มีคุยกับโรงเรียนแพทย์ ทั้งศูนน์การแพทย์กาญจนา รวมถึง ศิริราชด้วย เราก็มีกระบวนการ Engage คุณหมอเก่งๆให้มาร่วมงานกับเรา ก็มีการพูดคุยหลายรูปแบบ และก็มีการเตรียมทีมกันอยู่ บางท่านก็อยากถือหุ้นของรพ.ใหม่เลย หรือบางท่านก็เป็น profit sharing หรือบางท่านก็ต้องการเป็นที่ปรึกษา หาแพทย์มาให้ เนื่องจากเรามีความสัมพันธ์อันดีกับ ศูนย์การแพทย์กาญจนา รวมถึงศิริราช เราก็มีที่ปรึกษาหลายท่านก็มาจากศิริราชคิดว่าไม่น่ามีปัญหากับบุคลากรทางการแพทย์ และเป็นบุคลากรสายอื่นเช่น พยาบาลเราก็มีเตรียมสัญญา กับมหาวิทยาลัยพยาบาลหลายๆที่.

✅-Q: ในอนาคตมีเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนามากขึ้น Vih มองว่า คิดว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนโอกาสหรือเป็นความท้าทายของธุรกิจรพ.ที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่งอื่นๆ
A: ปัจจุบันผมว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ เราจะโฟกัสเทคโนโลยีที่ใช้ในระยะแรกคือสาขาที่เราสนใจเป็นความถนัดของเราคือ หัวใจ กระดูกและข้อ
แม่และเด็ก โรคเรื้อรังไม่ติดต่อ (NCD).

✅-Q: สอบถามรพ.แม่สอดเราถือหุ้นอยู่กี่ % เราให้ใครบริหารอยู่ ณ ตอนนี้ และก็ performance เป็นอย่างไรในอนาคตมีโอกาสจะไปถือหุ้นเพิ่มมั้ย?
A: วิชัยเวชถือหุ้นที่แม่สอดประมาณ 8% การบริหารจัดการก็เป็นทางแม่สอดเค้าจัดการ แต่ในอนาคตเรื่องการเข้าไปถือหุ้นขอยังไม่บอกก่อน.

✅-Q: ผลการดำเนินงาน ครึ่งปี ที่ผ่านมาทำได้ดีมากถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้วแผนการดำเนินปีหน้าเราจะทำได้ดีเหมือนปีนี้มั้ยมีกลยุทธิ์เติบโตอย่างไร?
A: ตั้งเป้าหมายเติบโตจากภายใน ไม่รวม new scurve ใหม่ ตั้งเป้าเติบโต 2 digits.

✅-Q: ผู้บริหารมองว่า โรงพยาบาลแห่งใหม่ มีความท้าทายมากแค่ไหน และจะมีรับคนไข้ต่างชาติด้วยมั้ย?
A: มีความท้าทายของกลุ่ม วิชัยเวช และเราก็มองเป็นโอกาสที่คุ้มเสี่ยง เราได้มีการศึกษา ทำ Market research และด้วยประสบการณ์ที่ทำรพ. มา 30-40 ปี ถ้าถามว่ามั่นใจมั้ย ผมมั่นใจ รพ.ใหม่เรามองกลุ่มลูกค้า A ,A+,S ทำยังไงคนเหล่านี้จะมาใช้บริการเรา คุณภาพการรักษาเรา Bench กับโรงเรียนแพทย์ที่บอกไว้ และการบริการก็ต้องมีมาตรฐานที่สูง เราก็ไม่ยึดติดกับแบรนด์วิชัยเวช วิชัยเวชการรับรู้มันคือระดับ C,C+,B และโรงพยาบาลใหม่จะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ทั้งหมด สร้างแบรนด์ใน Segment ที่เราจะไปรวมถึงโฟกัสจะเป็นคนไข้คนไทยเป็นหลัก.

✅-Q: ผู้บริหารกังวลคู่แข่งในพื้นที่เดียวกันมั้ยที่จะกระทบ แบ่งเค้กกัน?
A: ณ ตอนนี้ยังไม่เห็นชัดว่ามีรพ.ที่จะตอบสนองกับคนไข้กลุ่ม Segment กลุ่มนี้เท่าไหร่ เราก็มีไปดูรอบๆมาก็ยังไม่ได้มีที่จะเป็นแบบ รพ.ใหม่ของเราที่เป็น Super tertiary care แต่ในอนาคต อาจจะมีคนทำก็เป็นได้แต่คิดว่ารพ.ของเราก็จะสร้างเสร็จก่อนเป็น First ตามที่วางแผนไว้.

✅-Q: ถ้ารพ.ใหม่ทำได้ดีประสบความสำเร็จ จะมีโอกาสที่จะขยับ Tier ตัว 4 รพ.เดิมให้อัพเกรดขึ้น และถ้าทำได้ไม่ดีเรามีแผนทางหนีทีไล่อย่างไร?
A: ทีมที่ดูแล Project รพ.ใหม่มีความชัดเจน ในแง่โคงสร้างเราไม่ downgrade แน่นอน ถ้ามีการแข่งขันสูงหรือ สภาวะเศรษฐกิจ การบริหารของเราจะมีการบริหารความเสี่ยง การที่เปิดรพ.ใหม่ ก็จะรองรับคนไข้ระดับพรีเมี่ยม และตัวรพ.เดิมก็เป็นอีกขาในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี เราพยายามทำให้ครบลูกค้าทุก Segment.

✅🤔-จากคำถามจะเห็นได้ว่ามีคนให้ความสนใจในตัวรพ.ใหม่มาก และก็ต้องติดตาม New S-Curve ของทาง วิชัยเวช ว่าจะมีความสามารถทำได้หรือไม่อย่างไรแต่กว่าจะเปิดรพ.ใหม่ตามแผนก็สิ้นปี 2569 ยังไกลพอสมควร อย่างไรก็แล้วแต่เราควรไปดูตัวธุรกิจ รพ.หลักๆทั้ง 4 สาขาของวิชัยเวชก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถ้าไปแกะงบการเงินจริงๆแอบมี Operating leverage ด้วยเพราะ Fixed cost ธุรกิจรพ.ค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว แถมจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 3%+ เริ่มช่วง Q4 นี้เราก็ต้องไปคิดแล้วว่าเป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่อย่างไรครับ ดังคำของพี่โจ ลูกอีสาน กล่าวไว้ว่า “เจ้ามือตัวจริง คือผลประกอบการ”.

จบ….

-เพื่อนๆพี่ๆมีความเห็นหรือข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนี้สามารถแลกเปลี่ยนกันมาได้ครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ 🙏🏻

-ฝากกดไลค์ กดแชร์ กด 999 เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยงับ

network effects

ในเดือนมิถุนายนปี 2014 มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในหัวข้อที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากในที่สาธารณะ ระหว่างศาสตราจารย์การเงินชื่อดังจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (NYU) กับนักลงทุนร่วมทุนชื่อดังในซิลิคอนวัลเลย์

สมัครสมาชิกเพื่ออ่านต่อ

สมัครสมาชิกเพื่อเข้าถึงเนื้อหาที่เหลือของเรื่องนี้และเนื้อหาเฉพาะสมาชิกอื่น ๆ

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น